170 likes | 378 Views
Part of speed. Part of speed. Parts of Speech ( พาทส ออฟ สปีช) ถ้าแปลตรงตัว ก็จะแปลได้ว่า ส่วนต่างๆ ของ คำพูด
E N D
Part of speed • Parts of Speech (พาทส ออฟ สปีช) ถ้าแปลตรงตัว ก็จะแปลได้ว่า ส่วนต่างๆ ของ คำพูด • แ่ต่ถ้าจะแปลให้เข้าใจกันง่ายๆ ก็แปลได้ว่า คำชนิดต่างๆ ซึ่งนำมาร้อยเรียงเป็นวลี เป็นประโยค ที่นำไปใช้สนทนาเป็นเรื่องเป็นราว หรือนำไปแต่งหนังสือเป็นเล่มหนาๆ ก็มาจาก pars of speech ทั้งนั้น ซึ่งมีอยู่ทั้งหมดที่เข้าใจกันทั่วๆ มี 7 ชนิด
Noun • คำนาม คือ คำที่ใช้แทน คน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ ความรู้สึก เป็นต้น เช่น man, teacher (คน), cat, dog(สัตว์), car, pen, (สิ่งของ) hospital, station (สถานที่), happiness, sorrow (ความรู้สึก)
Pronoun • คำสรรพนาม คือ คำที่ใช้แทนคำนาม เช่น I, me, you, he, him, she, her, it, we, us, they, them เป็นต้น
Verb • คำกริยา คือ คำที่แสดงการกระทำ หรือบอกสภาวะ เช่น go, walk, swim, run, is, am, are, has, have เป็นต้น
Adverb • คำกริยาวิเศษณ์ คือ คำทีใช้ขยายคำกริยาว่า ทำเมื่อไหร่ อย่างไร เช่น yesterday, tomorrow, fast, slowly เป็นต้น
Adjective • คำคุณศัพท์ คือ คำที่ใช้บอกลักษะคำนาม ว่ามีรูปร่างหน้าตา หรือลักษณะอย่างไร เช่น tall, short, fat, thin, white, black, far, near เป็นต้น
Conjunction • คำสันธาน คือ คำที่ใช้เชื่อมคำ วลี หรือประโยคเข้าด้วยกัน เช่น and, but, or, for, so เป็นต้น
Preposition • คำบุรพบท คือคำที่ใช้แสดงความสัมพันธ์กันของคำหรือวลีในประโยค เช่น in, on, at, to, by, from เป็นต้น
Interjection • คำอุทาน คือคำที่ใช้แสดงความตื่นเต้น ตกใจ เจ็บปวด ความโกรธ เป็นต้น เช่น wow, oh, uh เป็นต้น
ตัวอย่าง • ข้อความ ประกอบด้วย"คำ" ( word ) หรือกลุ่มคำซึ่งนำมาเรียงต่อเนื่องกันเป็นวลี (phrase) หรือประโยค ( sentence ) จะมีหน้าที่อย่างหนึ่ง อย่างใดใน 8 หน้าที่ ตามหลักไวยากรณ์อังกฤษ ( grammar )หน้าที่ของคำเรียกว่า "ชนิดของคำ" ( parts of speech ) ซึ่งได้แก่ • Noun (คำนาม)Pronoun (คำสรรพนาม)Verb (คำกริยา) Adverb (คำกริยาวิเศษณ์) • Adjective (คำคุณศัพท์)Preposition (คำบุพบท) Conjunction (คำสันธาน) Interjection (คำอุทาน)
Example of verb • Verb (คำกริยา ) • เป็นคำที่บอกอาการหรือการกระทำ ( action ) หรือบอกความเป็นอยู่ ( being ) หรือสภาวะความเป็นอยู่ ( state of being ) เช่น fly, is, am, seem, look. • การกระทำ ความเป็นอยู่ สภาวะความเป็นอยู่ Birds fly. นกบินDanny is a boy. แดนนี่เป็นเด็กผู้ชาย He looks good. เขาแลดูดี
หน้าที่ของ interjection • example • worknounMy work is easy. งานของฉันง่าย • verbI work in Bangkok. ฉันทำงานอยู่ที่กรุงเทพbutconjunctionJohn came but Mary didn't come. จอห์นมาแต่แมรี่ไม่ได้มา • welladjectiveAre you well? คุณสบายดีหรือ? • adverbShe speaks well. เธอพูดได้ดี • interjectionWell ! That expensive. แหม! แพงจังจังafternoonnounWe ate in the afternoon. เรารับประทานในตอนบ่าย noun ทำหน้าที่เหมือน • adjectiveWe had afternoon tea.เราดื่มชามื้อบ่าย
sentence • Sentence ( ประโยค ) • Sentence เป็นกลุ่มคำที่มาประกอบกันให้มีเนื้อความสมบูรณ์ บอกการกระทำ ความเป็นอยู่ หรือความเป็นไป ของสิ่งหนึ่งสิ่งใด โดยทั่วไปประโยคจะมี 2 ภาคคือ subject ( ภาคประธาน ) และ predicate ( ภาคแสดง ) • subject • predicate • He • lives in Bangkok. เขาอาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ • None of the students • knew the answer. ไม่มีนักเรียนคนใดรู้คำตอบ
Phrase • Phrase ( วลี ) • เป็นกลุ่มคำซึ่งเป็นส่วนหนึ่งประโยคที่ไม่มี subject หรือ predicate • In case of emergency, push the button. ในกรณีฉุกเฉินให้กดปุ่ม (In case of emergency เป็นวลี)The woman sitting in the chair is my mother. ผู้หญิงซึ่งนั่งที่เก้าอี้คือแม่ของฉัน (sitting in the chair เป็นวลี) • Clause ( อนุประโยค )
Clause • Clause ( อนุประโยค ) • เป็นกลุ่มคำที่มี subject และ predicate เหมือนประโยค ( sentence ) แต่ไม่ได้อยู่ตามลำพังจะเชื่อมติดอยู่กับอีก clause หนึ่งเพื่อให้เป็น 1 ประโยคกล่าวคือ ในประโยคที่มี 2 ประโยคมารวมกันแต่ละประโยคคือ clause • clause ที่ 1 • clause ที่ 2 • Jack did not come to workแจ๊คไม่ได้มาทำงาน • because he had a bad cold.เพราะเขาเป็นไข้หวัดอย่างหนัก