1 / 14

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร. จันทจิรา เอี่ยมมยุรา คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร. จันทจิรา เอี่ยมมยุรา คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อาจารย์อารยา สุขสม คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา. การคุ้มครองสิทธิชุมชน ในการมีส่วนร่วมรักษาชายหาด กับกระบวนการยุติธรรม. ประเด็นในการฟ้องคดี สะกอม (คดีหมายเลขดำที่ ๑๖/๒๕๕๑).

Download Presentation

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร. จันทจิรา เอี่ยมมยุรา คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร. จันทจิรา เอี่ยมมยุรา คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อาจารย์อารยา สุขสม คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา การคุ้มครองสิทธิชุมชน ในการมีส่วนร่วมรักษาชายหาด กับกระบวนการยุติธรรม

  2. ประเด็นในการฟ้องคดีสะกอม (คดีหมายเลขดำที่ ๑๖/๒๕๕๑) ประเด็นแรก ฟ้องว่าการออกคำสั่งและการดำเนินการสร้างเขื่อนกันทรายและคลื่นของกรมเจ้าท่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย ประเด็นที่สอง ฟ้องว่าการดำเนินการสร้างเขื่อนกันทรายและคลื่นของกรมเจ้าท่าทำให้ผู้ฟ้องคดีขาดรายได้จากการประกอบอาชีพประมงชายฝั่งบริเวณชายหาดสะกอม และขาดประโยชน์จากการได้ใช้ชายหาดสะกอม ประเด็นที่สาม ฟ้องว่าการดำเนินการสร้างเขื่อนกันทรายและคลื่นของกรมเจ้าท่าทำให้ชายหาดสะกอมถูกน้ำทะเลกัดเซาะอย่างรุนแรงและพังทลายลง ทำให้ระบบนิเวศน์และสิ่งแวดล้อมถูกทำลาย

  3. ประเด็นแรก ให้ศาลวินิจฉัยว่าการก่อสร้างเขื่อนกันทรายและคลื่นที่ปากคลองสะกอม เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย และมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้ถูกฟ้องคดีกระทำการดังกล่าวทั้งหมด (คำฟ้องคดีตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑)) ประเด็นที่สอง ให้ผู้ถูกฟ้องคดีร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ฟ้องคดีทั้งสามเนื่องจากการขาดรายได้และขาดประโยชน์จากการใช้ได้ใช้ชายหาดสะกอมนับตั้งแต่วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๔๑ ถึง พ.ศ.๒๕๕๐ (คำฟ้องคดีตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓))

  4. คำขอของผู้ฟ้องคดี ประเด็นที่สาม • ขอให้ศาลปกครองสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ และผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้แก่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามมาตรา ๙๗ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ • ขอให้ศาลปกครองสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ และผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ทำการฟื้นฟูชายหาดสะกอมและเยียวยาสภาพแวดล้อมของบริเวณชายหาดดังกล่าวให้กลับคืนสู่สภาพดีโดยเร็ว • ขอให้ศาลปกครองมีคำสั่งเรียกให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเข้ามาในคดีนี้ เพื่อรับหน้าที่ดำเนินการฟื้นฟูและเยียวยาสภาพแวดล้อมของบริเวณชายหาดตำบลสะกอม

  5. ประเด็นแรก : การสร้างเขื่อนไม่ชอบด้วยกฎหมาย • ล่วงละเมิดต่อสิทธิของผู้ฟ้องคดีซึ่งเป็นสมาชิกของชุมชนบ้านสะกอม ในอันที่จะดำรงชีพอยู่ได้อย่างปกติทั้งในการประกอบอาชีพและในทางสังคมวัฒนธรรม อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อทรัพย์สิน สวัสดิภาพ หรือคุณภาพชีวิตของผู้ฟ้องคดี (ม. ๕๖ รธน.๒๕๔๐ / ม.๖๖ รธน.๒๕๔๐) • การกระทำของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองเป็นการใช้ดุลพินิจที่ไม่ชอบด้วยหลักการพื้นฐานของกฎหมายปกครองอย่างชัดแจ้ง เพราะขัดต่อหลักความได้สัดส่วนทั้งในแง่ที่เป็นมาตรการที่เกินกว่าความจำเป็นที่ต้องกระทำ และทั้งในแง่ประโยชน์ที่ชุมชนส่วนน้อยได้รับกับความเสียหายของประเทศที่ต้องสูญเสีย (หลักแห่งความได้สัดส่วน/หลักนิติรัฐ ซึ่งมีค่าบังคับเป็นหลักกฎหมายทั่วไปในระดับรัฐธรรมนูญ)

  6. ความไม่ชอบด้วยกฎหมายในเชิงรูปแบบหรือกระบวนการความไม่ชอบด้วยกฎหมายในเชิงรูปแบบหรือกระบวนการ • ไม่ได้ทำการศึกษาและประเมินผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมก่อนการดำเนินโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม (ม.๕๙ รธน. ๒๕๔๐/ ม.๖๗ รธน. ๒๕๕๐) • ไม่ได้จัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินโครงการก่อสร้างเขื่อนเสียตั้งแต่ในระยะทำการศึกษาความเหมาะสมของโครงการฯ เสนอต่อสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ตามลำดับ เพื่อให้หน่วยงานและคณะกรรมการดังกล่าวเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาต่อคณะรัฐมนตรี ก่อนการเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติการก่อสร้าง (ม. ๔๖ และม.๔๗ พรบ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕)

  7. ความไม่ชอบด้วยกฎหมายในเชิงรูปแบบหรือกระบวนการ (ต่อ) • มิได้เคารพสิทธิในการแสดงความคิดเห็นของผู้ฟ้อง และมิได้เปิดโอกาสให้ผู้ฟ้องคดีได้โต้แย้งแสดงเหตุผล หลักฐานและความคิดเห็นอย่างเพียงพอก่อนการอนุญาตดำเนินการก่อสร้าง -ม.๖(๑) พรบ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ / -ม.๓๐พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.๒๕๓๙ / -ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะโดยวิธี ประชา พิจารณ์ พ.ศ.๒๕๓๙

  8. ประเด็นที่สอง : การสร้างเขื่อนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ฟ้องคดี • ผลกระทบต่อการประกอบอาชีพของผู้ฟ้องคดีซึ่งเป็นผู้ใช้ประโยชน์จากชายหาดสะกอม • ผลกระทบต่อการใช้ประโยชน์จากชายหาดสะกอมในชีวิตประจำวันของผู้ฟ้องคดี • ผลกระทบต่อระบบนิเวศน์และสิ่งแวดล้อมที่สมดุล • ผลกระทบต่อความรู้สึกด้านจิตใจของผู้ฟ้องคดีและชุมชนชาวบ้านสะกอมที่ผูกพันกับชายหาดสะกอม

  9. คำสั่งรับฟ้องคดีของศาลปกครองคำสั่งรับฟ้องคดีของศาลปกครอง ๑. คดีนี้เป็นคดีปกครองประเภทใด??? • ศาลปกครองสูงสุดเห็นว่า เป็นการฟ้องคดีละเมิดของหน่วยงานทางปกครองและเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากซึ่งเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย เป็นคดีปกครอง ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓)

  10. คำสั่งรับฟ้องคดีของศาลปกครองคำสั่งรับฟ้องคดีของศาลปกครอง ผู้ฟ้องคดีมีอำนาจฟ้องคดีหรือไม่??? ศาลปกครองพิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้ฟ้องคดีทั้งสามเป็นผู้อาศัยและประกอบอาชีพทำการประมงอยู่บริเวณชายหาดสะกอม ผู้ฟ้องคดีจึงเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายหรืออาจจะเดือดร้อนเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้อันเนื่องมาจากการใช้อำนาจตามกฎหมายของหน่วยงานทางปกครองและเจ้าหน้าที่ของรัฐ

  11. คำสั่งรับฟ้องคดีของศาลปกครองคำสั่งรับฟ้องคดีของศาลปกครอง • ผู้ฟ้องคดี ฟ้องคดีภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้หรือไม่??? • ศาลปกครองสงขลา พิจารณาเห็นว่า ผู้ฟ้องคดีได้รู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดีตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๑ การที่ผู้ฟ้องคดีนำคดีมาฟ้องต่อศาลเมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๕๑ จึงเป็นการฟ้องคดีที่พ้นกำหนดระยะเวลาตามมาตรา ๕๑ แห่งพรบ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ แล้ว • ศาลปกครองสูงสุด พิจารณาแล้วเห็นว่า เหตุแห่งการละเมิดยังคงมีอยู่ตลอดมาจนวันที่ผู้ฟ้องคดีนำคดีมาฟ้อง จึงสามารถนำคดีมาฟ้องได้ • แต่สำหรับการเรียกค่าเสียหาย ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นภายในหนึ่งปีก่อนการฟ้องคดีไว้พิจารณาเท่านั้น คือ ความเสียหายที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๕๐ ถึงวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๕๑

  12. คำสั่งไม่รับคำฟ้องของศาลปกครองคำสั่งไม่รับคำฟ้องของศาลปกครอง ประเด็นที่สาม ฟ้องว่าการดำเนินการสร้างเขื่อนกันทรายและคลื่นของกรมเจ้าท่าทำให้ชายหาดสะกอมถูกน้ำทะเลกัดเซาะอย่างรุนแรงและพังทลายลง ทำให้ระบบนิเวศน์และสิ่งแวดล้อมถูกทำลาย จึงขอให้ผู้ถูกฟ้องชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน ๑๘๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท แก่ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ศาลปกครองเห็นว่า ผู้ฟ้องคดีไม่ใช่ผู้เสียหาย แต่รัฐเป็นผู้เสียหายซึ่งในที่นี้คือ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ซึ่งผู้ฟ้องจะมีสิทธิฟ้องคดีในประเด็นดังกล่าวได้ก็ต่อเมื่อ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งมอบอำนาจให้ฟ้องคดีแทนเท่านั้น

  13. แบบทดสอบความรู้ผู้เข้าอบรมโครงการรักษาชายหาดแบบทดสอบความรู้ผู้เข้าอบรมโครงการรักษาชายหาด ๑. ประชาชนและชุมชนมีจะบทบาทร่วมกับรัฐในการจัดการ รักษาและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติได้อย่างไรบ้าง ๒. “หลักความได้สัดส่วน” หมายความว่าอย่างไร ๓. หากชุมชนของท่านได้รับความเสียหายจากการสร้างเขื่อน ท่านจะรวมตัวกันเพื่อฟ้องเจ้าหน้าที่ของรัฐให้รับผิดชอบความเสียหายดังกล่าวได้หรือไม่ เพราะเหตุใด

More Related